Tuesday, November 11, 2008

ความเป็นมาของว่านหางจระเข้ 2

ใน"ตำรายาสมุนไพรของกรีซ"ที่บันทึกเมื่อทศวรรษที่ 70 แห่งคริสต์ศักราชได้กล่าว "ว่านหางจระเข้มีสรรพคุณในการบำรุงผิว ช่วยให้นอนหลับสบาย บำรุงกำลัง ช่วยให้เจริญอาหาร" และยังสามารถใช้รักษาโรคกระเพาะลำไส้ โรคตับ อาการหืดหอบ แผลที่อวัยวะเพศ ริดสีดวงทวาร เคล็ดขัดยอกช้ำบวม โรคผิวหนัง หิด โรคโพรงปากอักเสบ เป็นต้น ได้ผลชะงัดอีกด้วย

ส่วนตำรายาสมุนไพรของอียิปต์บันทึกไว้ว่า "ว่านหางจระเข้เป็นยาดีสำหรับบำบัดโรคของสุภาพสตรี"

หลังจากเส้นทางสายไหมที่ได้ถูกบุกเบิกขึ้น ชื่อเสียงของว่านหางจระเข้ได้เผยแพร่เข้าไปในประเทศจีน จากหลักฐานในตำรายาจีนมีการบันทึกไว้ว่า "หลู่ หมายถึงสีดำ ฮุ่ย หมายถึงการผลึกประสานเข้ากัน น้ำเมือกเหนียวของว่านหางจระเข้เมื่อทำให้ข้นตัวจะกลายเป็นสีดำ ด้วยเหตุนี้ จึงได้ชื่อว่าหลู่ฮุ่ย"

นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่ากันว่า บุตรชาย หลิวยี่ซี นักกวีสมัยราชวงศ์ถัง (คศ.772-842) เป็นกลากน้ำนมตามหัวและหู และรักษาหายได้ด้วยการใช้น้ำเมือกจากว่านหางจระเข้ และอีกรายหนึ่งเป็นพ่อค้ายาอยู่ในแคว้นฉู ได้เอาว่านหางจระเข้มาบดกับกำเช่า ทำเป็นยารักษาโรคก็เป็นเรื่องที่ได้รรับการกล่าวขานกันทั่วไปด้วยเช่นกัน

No comments: